รู้ไหม เอสเพรสโซนั้นมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟธรรมดาหนึ่งถ้วย?

กาแฟกลั่นหยดหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนอยู่ราว 115 มิลลิกรัม ขณะที่เอสเพรสโซ (และกาแฟจากเครื่องทำกาแฟด้วยไอน้ำเดือด) มีคาเฟอีนราว 80 มิลลิกรัม กาแฟผงสำเร็จรูปมีคาเฟอีนประมาณ 65 มิลลิกรัม ส่วนกาแฟชนิดไม่มีคาเฟอีนนั้นก็ใช่ว่าจะปราศจากคาเฟอีนโดยสิ้นเชิง เพราะจริงๆ แล้วมีคาเฟอีนอยู่ราว 3 มิลลิกรัม โคคาโคล่าหนึ่งกระป๋องมีคาเฟอีนประมาณ 45 มิลลิกรัม เป๊ปซี่โคล่ามีคาเฟอีน 38 มิลลิกรัม เมาเทนดิวมีคาเฟอีน 54 มิลลิกรัม และแท็บมีคาเฟอีน 47 มิลลิกรัม ชานั้นมีคาเฟอีนประมาณ 40 มิลลิกรัม ส่วนช็อกโกแล็ตหนึ่งออนซ์มีคาเฟอีนอยู่ราว 20 มิลลิกรัม

กาแฟเป็นเครื่องดื่มกระตุ้นยอดนิยมของโลก ชาวอเมริกัน 4 ใน 5 คนเป็นคอกาแฟ และดื่มกาแฟรวมกันแล้วมากกว่า 400 ล้านถ้วยต่อวัน ขณะที่การบริโภคกาแฟในประเทศแถบสแกนดิเนเวียมีปริมาณมากกว่า 12 กิโลกรัม (26 ปอนด์) ต่อคน ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 25 ล้านคนที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ กาแฟจึงเป็นสินค้าที่มีมูลค่าอันดับสองในตลาดการค้าโลก เป็นรองก็แต่อุตสาหกรรมน้ำมันเท่านั้น

แม้จะเชื่อกันว่าในดินแดนใกล้ทะเลแดงนั้นมีการปลูกกาแฟมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 แต่นักเขียนชาวอาหรับในศตวรรษที่ 15 นามเชฮาเบ็ดดิน เบน ได้เขียนไว้ว่า ชาวเอธิโอเปียนั้นดื่มกาแฟกันมาเนิ่นนานเกินเกินกว่าที่ใครๆ จะจดจำได้ เมื่อมาถึงศตวรรษที่ 16 ก็พบว่ามีการปลูกกาแฟกันทั่วภูมิภาคเยเมนในแหลมอาระเบียแล้ว หลังจากที่เอกอัครราชทูตชาวตุรกีนำกาแฟเข้ามาในพระราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ ค.ศ. 1669 ชาวยุโรปก็ยอมรับรสชาติของกาแฟอย่างรวดเร็ว ในราวสองสามปีต่อมาชาวดัชต์ได้นำกาแฟเข้าไปในชวา และใน ค.ศ. 1714 ชาวฝรั่งเศสชื่อเดส์คลิเออได้ปลูกต้นกาแฟด้วยกิ่งปักชำเพียงกิ่งเดียวบนเกาะมาร์ตินิก ในไม่ช้าการปลูกกาแฟก็ได้แพร่จากแคว้นกีอาน่าของฝรั่งเศสไปยังบราซิลและอเมริกากลาง ถึงวันนี้ ในพื้นที่ชุ่มชื้นทั่วโลกล้วนแต่มีผู้ปลูกกาแฟทั้งสิ้น

เมล็ดกาแฟบนต้น
เมล็ดกาแฟสีแดงพร้อมเก็บเกี่ยว

กาแฟเป็นเมล็ดของไม้เถาในกลุ่มคอฟฟี ซึ่งเป็นพืชที่ให้ผลผลิตกาแฟประมาณ 1 กิโลกรัม (2 ปอนด์) ต่อปี มีกาแฟพันธุ์ต่างๆ อยู่มากกว่า 25 พันธุ์ โดยสามพันธุ์หลักๆ ที่เพาะปลูกกันเพื่อการค้าได้แก่พันธุ์โรบัสต้า พันธุ์ไลเบอเรีย และพันธุ์อะราบิก้า พันธุ์อาราบิก้าคิดเป็นปริมาณ 70% ของการผลิตทั้งหมด

คาเฟอีนเป็นสารเพิ่มที่เพิ่มฤทธิ์ให้แอสไพรินและยาแก้ปวดอื่นๆ นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมยาบางประเภทจึงมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ การเลิกคาเฟอีนก็เป็นหนึ่งในสาเหตุทั่วไปของอาการปวดศีรษะด้วยเช่นกัน สตรีที่ดื่มกาแฟวันละ 2 ถ้วยหรือมากกว่าจะมีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนสูงขึ้น แต่ก็สามารถชดเชยได้โดยดื่มนมหรือโยเกิร์ตเพื่อทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไป การศึกษาส่วนใหญ่พบว่า การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณสูงจะส่งผลร้ายต่อภาวะเจริญพันธุ์ และการได้รับคาเฟอีนในระยะตั้งครรภ์อาจเป็นสาเหตุให้คลอดก่อนกำหนดหรือคลอดแบบผิดปกติ

การสกัดคาเฟอีนออกจากกาแฟทำได้โดยใส่สารละลายไฮโดรคาร์บอนที่มีคลอรีนผสมลงในเมล็ดกาแฟเขียว ส่วนขั้นตอนการผลิตกาแฟผงสำเร็จรูปคือ ผสมกาแฟบดเข้ากับกาแฟอบด้วยน้ำร้อน จากนั้นใช้เครื่องขจัดความชื้นแบบสเปรย์และความดันระดับสูงเพื่อให้น้ำระเหยไปเหลือไว้แต่ผงกาแฟ ผลิตภัณฑ์กาแฟบางชนิดอาจใช้ชิคอรี่ (ดอกไม้ป่าชนิดหนึ่ง) แทนกาแฟ หรืออาจใช้พืชจำพวกมะเดื่อ อินทผลัม มอลต์ หรือข้าวบาร์เลย์ ทั้งหมดนี้มีรสชาติที่ใกล้เคียงกับกาแฟจริงๆ น้อยมาก

าวฝรั่งเศสได้เริ่มใช้เครื่องผลิตกาแฟเอสเพรสโซเครื่องแรกเมื่อ ค.ศ. 1822 แต่ผู้ที่สร้างเครื่องผลิตเอสเปรสโซแบบสมบูรณ์ และนำมาจัดจำหน่ายในภายหลัง กลับเป็นชาวอิตาเลียน

ต้องใช้เมล็ดกาแฟทั้งสิ้น 42 เมล็ดจึงจะผลิตเอสเพรสโซได้

กาแฟผงสำเร็จรูปได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1906 โดยนายจี. วอชิงตัน ชาวอังกฤษซึ่งอาศัยอยู่ในกัวเตมาลา

คำว่า "คาปูชิโน" มาจากพระนิกายคาปูชินของโรมันคาทอลิกในศตวรรษที่ 16 ซึ่งสวมผ้าคลุมศีรษะที่เรียกว่าคาปูชิโน คาปูชิโนคือกาแฟซึ่งมีฟองครีมร้อนที่ทำมาจากนมอยู่ด้านบน

คำว่า "ทิป" ก็เกี่ยวข้องกับกาแฟเช่นเดียวกัน คำนี้มีที่มาจากร้านกาแฟเก่าแก่แห่งหนึ่งในลอนดอน กล่องทองเหลืองของพนักงานเสิร์ฟในร้านจะสลักข้อความว่า To Insure Promptness (TIP—เพื่อรับประกันความรวดเร็ว)